ขุนพันธ์ 3 หนังไตรภาคดีที่สุดของไทย ภาคนี้เหล่าเสือร้ายจัดเต็มระบบ

รีวิวขุนพันธ์ 3

ภาพยนตร์ ขุนพันธ์ เดินทางมาถึงภาค 3 กันแล้ว ต้องบอกว่าเป็น หนังไทยใหม่ล่าสุด และถือว่าชั่วโมงนี้ ขุนพันธ์ คือที่สุดของหนังแอ็คชั่นไทยสุดมันส์ระดับห้าดาว ทุนสร้างมหาศาลจากทีมงานสหมงคลฟิล์ม หนังที่หลายๆคนต่างติดตามรอคอยการกลับมาในทุกๆภาค

และในที่สุด “ขุนพันธ์” ก็ได้เวียนมาบรรจบครบไตรภาคแล้ว ซึ่งขุนพันธ์ 3 ก็เป็นหนังภาคต่อของ ขุนพันธ์ 2 ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2561 นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนังเรื่องหนึ่งที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมได้อย่างเต็มที่จริง ๆ โดยเฉพาะฉากแอ็คชั่น ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในทุกภาคของหนัง

สำหรับเรื่องราว ขุนพันธ์ 3 จะสนุกและน่าติดตามแค่ไหน ไปติดตามชมรีวิวจากทางเราได้เลย

หลังจากอ่านรีวิว ภาพยนตร์ไตรภาคขุนพันธ์ จากเราแล้ว เชิญทุกท่านไปรับชมภาพยนตร์สุดมันส์ ผลงานการสร้างจากทีมงานสหมงคลฟิล์ม และการแสดงเหมือนหลุดเข้าไปเป็นตัวละครจริงๆ ของทีมนักแสดงหลักของเรื่องทุกคน เชิญรับชมความสนุกสุดมันส์ระดับ 5 ดาวได้เลยที่ Doonungvip.com

รีวิว ขุนพันธ์ 3 โตโน่

ข้อมูลทั่วไปของหนัง ขุนพันธ์ 3

ภาพยนตร์ไทยแนวแอ็คชั่นที่เป็นภาคต่อของภาพยนตร์สุดมันส์ ขุนพันธ์ ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2559 และ ขุนพันธ์ 2 ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2561 จากค่ายหนังสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

โดยภาคต่อ ขุนพันธ์ 3 กำกับการแสดงโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ และมีนักแสดงหลักคือ อนันดา เอเวอริ่งแฮม, มาริโอ้ เมาเร่อ และ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ หรือ โตโน่ เดอะสตาร์

ภาพยนตร์นี้เปิดตัวอย่างให้ชมครั้งแรกในงาน Thailand Comic Con 2022 และมีการจัดฉายภาพยนตร์ครั้งแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ขุนพันธ์ 3 เป็นภาพยนตร์ที่มีความน่าตื่นเต้นระทึกใจและน่าสนใจมากที่สุดในเวลานี้ ต้องบอกว่าภาพยนต์ไตรภาค ขุนพันธ์ ได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ต้องบอกว่าแฟนๆ ต่างรอคอยที่จะชมภาคจบของเรื่องนี้กันทั้งประเทศ

ขุนพันธ์ 3 อนันดา

โดยภาคล่าสุด กำกับการแสดงโดย ก้องเกียรติ โขมศิริ และอำนวยการสร้างโดย สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ บริษัทผู้สร้าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล วันฉาย 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 ความยาว 155 นาที โดยมีภาคก่อนหน้านี้ถึง 2 ภาค

เรื่องย่อ ขุนพันธ์ 3

เรื่องราวเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2493 ขณะบ้านเมืองยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง ยุคข้าวยากหมากแพง ประเทศชาติอยู่ในยุคที่ทหารกำลังถังแตก และกลุ่มนอกกฎหมายยังคงก่อกวนสร้างอาชญากรรมไปทั่วประเทศ

ข้าราชการเต็มไปด้วยความฉ้อฉล และใช้อำนาจในทางที่ผิด เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจฝีมือดีผู้ปราบปรามคดีดัง จึงทำหน้าที่ต่อสู้กับอาชญากรรมที่เกิดขึ้น

โดยขุนพันธรักษ์ราชเดช มีความสามารถในการใช้วิชาอาคมที่ยอดเยี่ยม เมื่อเขาต้องออกตามล่ากลุ่มโจรชุดดำตัวร้าย ที่มีหัวหน้าอย่างเสือฝ้ายและเสือใบที่ก่อกวนอยู่ในบริเวณพื้นที่รับผิดชอบ ไม่แปลกที่ ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจฝีมือดีและมีวิชาอาคมเข้มขลัง จะต้องเข้ามาปราบปรามและกลายเป็นคดีที่ผู้คนจะต้องกล่าวขวัญถึงไปตลอดกาล

หากท่านขุนเอาชนะได้สำเร็จ จะได้รับความรักและนับถือจากประชาชนบริเวณนั้นเป็นอย่างมาก

หลังจากเข้าแฝงตัวไปอยู่กับกลุ่มโจรชุดดำ ขุนพันธ์จึงถูกสงสัยว่าอาจมีความสัมพันธ์กับพวกโจรป่า และอาจจะแปรพักตร์ไปเป็นพวกของโจรแล้วก็ได้

ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับการถูกสงสัยและการตามล่าจากเหตุการณ์คดีที่เกิดขึ้น

เรื่องราวในภาพยนตร์ได้พาผู้ชมติดตามเส้นทางชีวิตของขุนพันธ์ ที่ต้องมาค้นหาความจริงและความยุติธรรม โดยสิ่งที่เขาพบก็คือความผูกพันและความรักที่แท้จริงต่อกับครอบครัวและผู้คนที่ใกล้ชิด

ขุนพันธ์ ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปกับภรรยา แต่ไม่นานก็มีเหตุการณ์ที่สามนักการเมืองคนสำคัญถูกลักพาตัวไป และทำให้เขาต้องกลับมารับภารกิจในการสร้างความยุติธรรมและความเป็นอยู่ที่สงบให้เกิดขึ้นอีกครั้ง

พระเอกนางเอก

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะพาพวกเราไปชมความสามารถในการต่อสู้ที่น่าทึ่ง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวและความภักดีในการปกครองในยุคที่ทุกสิ่งในสังคมยังคงไม่สมดุล

การดำเนินเรื่อง

การดำเนินเรื่อง”ขุนพันธ์ 3″ นั้นถูกดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วและฉับไว ไม่มีการเสียเวลาใดเลย ช่วงต้นเรื่องมีความดุเดือดและมีการแนะนำตัวละครแต่ละตัวให้เรารู้จักทุกตัวละคร โดยแต่ละตัวละครต่างมีความขัดแย้งภายในตัวละครอย่างชัดเจน ต่อมามีช่วงกลางเรื่องที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความกดดันต่างๆ โดยเราได้เห็นเสน่ห์ของทุกตัวละครมากขึ้น หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงท้ายที่ดุเดือดจนถึงขีดสุด 

ฉากยิงปืน อนันดา

โดยเฉพาะในการต่อสู้ท้ายเรื่องที่เป็นฉากต่อสู้ทีเด็ดของเรื่อง เราจะพบกับความมันส์แบบหาตัวจับได้ยากในภาพยนตร์ไทยยุคนี้ ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ฮีโร่ไทยที่มีความมันส์และสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้

ขุนพันธ์ 3 นักแสดงนำ

รายชื่อนักแสดงนำในภาพยนตร์ที่มีบทบาทสำคัญ

1.อนันดา เอเวอริ่งแฮม รับบท พ.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์)

เขาเป็นนายตำรวจที่มีฝีมือและปราบปรามกับคดีอย่างมืออาชีพ เพราะต้องปะทะกับความชั่วร้ายและกองกำลังเสือฝ้าย มีความสำคัญในการดำเนินเรื่องและเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้

2.มาริโอ้ เมาเร่อ รับบท เสือมเหศวร (ศวร เภรีวงศ์)

ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีเหตุผลและมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนเลว สิ่งพิเศษของ “เสือมเหศวร” เป็นการดำเนินเรื่องเพื่อก่อการต่อสู้และความแคล้วคลาดในเรื่องนี้

3 ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ รับบท เสือดำ

เสือดำเป็นโจรที่เกิดจากความแค้นและแรงพยาบาท จิตใจตกอยู่ในความมืดมนและมีความแค้นต่อขุนพันธ์ ซึ่งเขาต้องการปลิดชีพของขุนพันธ์ด้วยมือของตนเอง มีความกล้าได้กล้าเสีย ยืดหยุ่นและกล้าหาญในการต่อสู้ อาศัยปืนลูกโม่คู่และลูกซองสั้นในการต่อสู้แบบดุเดือด

นักแสดงขุนพันธ์ 3 โตโน่ ภาคิน

4.อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบท เสือใบ (ใบ สะอาดดี)

เสือใบเป็นอดีตเชิ้ตดำที่หลบหนีจากการจำคุก มาช่วยเหลือขุนพันธ์หรือเสือบุตรเป็นเพื่อนร่วมสาบานในภาพยนตร์

5.ษริกา สารทศิลป์ศุภา รับบท สาวิตรี

เป็นหมอหญิงเพียงคนเดียวในชุมโจรเชิ้ตขาว ที่เป็นเสมือนอีกมันสมองให้กับเสือมเหศวรเพื่อเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์และพัฒนาให้กับเสือดำ ซึ่งกล้าแสดงความรักและมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

6.ภูมิภัทร ถาวรศิริ รับบท ร.อ.ทัตเทพ

เป็นทหารหนุ่มที่มีไฟแรงและเป็นบุตรชายของท่านจอมพล ซึ่งต้องการความเป็นใหญ่และอำนาจบารมีและไม่เชื่อในเรื่องศาสตร์อาคม

7.ชิดจันทร์ ห่ง รับบท ครูนุ่น

เป็นภรรยาของขุนพันธ์ที่สนับสนุนทุกๆความคิดเห็นของสามีและมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

นักแสดงที่ได้รับบทบางสำคัญในภาพยนตร์นี้มีความสำคัญในการเสริมสร้างบทบาทและสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องนี้

ความรู้สึกหลังชม ขุนพันธ์ 3

ภาพยนตร์ “ขุนพันธ์ 3” ได้สร้างความรู้สึกให้กับผู้ชมอย่างลึกซึ้งและตื่นเต้น ไม่เพียงแค่ฉากแอ็กชั่นที่ดึงดูดใจและมีความสนุกสนาน แต่ยังมีการวางพล็อตเรื่องที่ดีและน่าสนใจอีกด้วย อีกทั้งความสามารถในการดึงให้ผู้ชมอยู่กับเรื่องได้แทบจะทุกฉากเลย ซึ่งทำให้รู้สึกว่าสมกับการรอคอยเป็นอย่างมาก

เรื่องราวในครั้งนี้ตอนแรกอาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าหนังยาวมาก แต่เมื่อดูไปแล้วกลับรู้สึกว่าหนังมันดึงดูดให้เราใจจดใจจ่ออยู่กับหนังเป็นอย่างมาก การวางตำแหน่งของพล็อตเรื่องที่ดี ทำให้ไม่รู้สึกว่าหนังยาวกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งเลย แถมเมื่อหนังจบแล้วยังคงสร้างความตื่นเต้นและความสนุกที่ต้องการดูต่ออีก 2 ชั่วโมงก็ยังไม่เบื่อ การจบของเรื่องทำให้รู้สึกว่าเกิดความตื่นเต้นและอยากดูต่ออีกเรื่อย ๆ 

มาถึงตอนนี้ เราขอเบรคคั่นเวลากันสักหน่อย หลังชม ขุนพันธ์ เสร็จทีมงานกลับนึกถึง แสงกระสือ 2 ขึ้นมาเฉยๆ ด้วยความที่เป็นหนังไทยภาคต่อที่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน จึงอยากมาแนะนำให้เพื่อนๆไปชมรีวิวของเรากันหน่อย แล้วมาบอกเราด้วยว่ามันมีอะไรบางอย่างที่น่าประทับใจอย่างไม่น่าเชื่อเลย

ในส่วนของเนื้อหาได้ถูกสร้างขึ้นให้เข้มข้นและดุเดือดกว่าสองภาคแรก ความต่อเนื่องของเรื่องเน้นเรื่องการวิสามัญและการต่อสู้กับเหล่าจอมโจรที่ทำให้ความเข้มข้นและภารกิจสุดท้ายในการล่าสองเสือที่เหลือ คือเสือดำและเสือมเหศวร

ส่วนเรื่องราวชีวิตของขุนพันธ์เป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจในภาพยนตร์นี้ เนื่องจากเขาถูกโจมตีโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องการวิสามัญและนำไปสู่คำถามที่ว่าเขาได้ทำเกินกว่าที่ควรในการจับกุมผู้ร้ายหรือไม่ ทำให้เขาต้องออกจากราชการและกลับไปใช้ชีวิตกับภรรยาของเขา ครูนุ่น ที่กำลังท้องใกล้คลอด ก่อนที่จะถูกเรียกกลับมาทำภารกิจสุดท้ายในการล่าสองเสือที่เหลือ คือเสือดำและเสือมเหศวร

ในภาคนี้ การก่อกำเนิดของอาคมและความคงกระพันของขุนพันธ์ถูกเน้นเป็นอย่างมาก ผู้ชมได้มีโอกาสเห็นความเหนือมนุษย์ของขุนพันธ์มากที่สุด กับความต้องการในการรอดชีวิตเพื่อกลับไปหาเมียและลูก มุมมองที่เพิ่มความสัมพันธ์กับตัวละครนำ ได้เปิดเผยความกลัวและอารมณ์ที่เราไม่ค่อยเห็นในภาคก่อนๆ ที่เขาถูกจัดอยู่ในบทบาทของฮีโร่ที่ไม่มีข้อผิดพลาดเลย นอกจากนี้ยังสังเกตเห็นถึงความมั่นใจในการต่อสู้ของขุนพันธ์ ที่เริ่มเสื่อมลงเป็นลักษณะเพราะสิ่งที่ต้องการระบายแค่การตายของคนร้าย เรื่องสุดท้ายที่เป็นเรื่องท้าทายให้กับความเป็นคนเหนือมนุษย์ของขุนพันธ์คือ การต้องมีชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายเพื่อกลับไปหาครอบครัวของเขาให้ได้

รีวิวขุนพันธ์ 3 มาริโอ้

ในด้านงานแอ็คชั่นของภาคนี้ นักแสดง ขุนพันและทีมงานได้สร้างความสนุกและตื่นเต้นให้กับผู้ชมอย่างแทบจะไม่หยุดพักเลย พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ และเหล่านักแสดงได้ทำการโปรโมทเรื่องนี้ที่ทุกช่องทางและไม่ได้เสียเวลาสูญเปล่าเลย เพราะมันทำให้เห็นจุดเดือดแบบที่ไต่ระดับความดุเดือดขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นภาคที่ใส่เต็มความแอ็คชั่นโดยไม่ให้แฟนได้หยุดพักเลย ซีนแอ็คชันในภาคนี้ดูเหมือนผู้กำกับได้มีอะไรที่ยังไม่ได้โชว์ในภาคก่อนๆ หรืออาจจะมาปล่อยในภาคนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังได้เห็นถึงความมั่นใจของทีมงานและนักแสดงในภาคนี้มากมาย ที่เนรมิตสิ่งที่คนชอบดูหนังแอ็คชันสักเรื่องต้องการ

แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้เป็นที่ยอมรับอย่างแน่นอนว่า หนังไทยสามารถแข่งขันกับภาพยนตร์ชาติต่างๆ ในโลกได้ และงานภาพในภาคนี้ทำออกมาดีจริงๆ แม้ว่าจะมีที่ติอยู่นิดหน่อยคืองานเอฟเฟคที่บางส่วนยังแสดงออกมาดูไม่สมจริงแต่เราควรให้เกียรติความพยายามในความสามารถของงานภาพที่ดีที่สุดนี้

โดยเฉพาะในส่วนของงานแอ็คชั่นที่จัดหนักจัดเต็ม ถึงแม้งานเอฟเฟคบางส่วนอาจจะมีที่ติอยู่แต่เมื่อมีงานภาพที่มีความแอ็คชั่นสมจริงและความลื่นไหล ก็ทำให้สามารถยอมรับความเป็นหนังที่งานแอ็กชั่นสมบูรณ์แบบ และไม่ทำให้เหล่าแฟนๆต้องผิดหวังจริงๆ

ด้านนักแสดง ยอมรับว่าทุกคนสามารถถ่ายทอดบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวออกมาได้เป็นอย่างดีมากๆ คุณอนันดา กับบทของ พ.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจและน่าประทับใจ และคุณมาริโอ้ และคุณโตโน่ ก็แสดงออกมาได้โคตรดีเลย เป็นที่น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย คุณมาริโอ้ในบทเสือมเหศวรสามารถเล่นได้อย่างเท่ห์และคุณโตโน่ในบทเสือดำสามารถนำเสนอความเป็นตัวของตัวเองอย่างน่าชื่นชมได้ และทุกคนในทีมนักแสดงแสดงโคตรถึงอารมณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเรื่องนี้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าในแง่ของนักแสดงนั้นไม่มีที่ติใดใดเลย และอยากให้เพื่อนๆ ได้มีโอกาสเห็นความสามารถของนักแสดงทุกคนในภาคนี้ที่แสดงโคตรถึงเลยจริงๆ

จุดเด่น – จุดสังเกต

จุดเด่น

ความเป็นหนังต่อสู้และฉากแอ็คชั่น เป็นจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นและติดตามในทุกๆ ช่วงของเรื่องราว ฉากแอ็คชั่นถูกออกแบบเพื่อให้เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวและมีความสำคัญในการส่งเสริมเนื้อหา โดยเฉพาะในช่วงท้ายของเรื่องที่มีฉากแอ็คชั่นที่ทะเยอทะยานที่สุดและไม่เคยมีมาก่อนในภาพยนตร์ไทย การใช้งานภาพยนตร์โปรดักชั่นที่ดูแล้วเป็นที่น่าประทับใจ มีความน่าเชื่อถือและความสมดุลในการนำเสนอ ซึ่งเป็นการพยุงค์ที่สำคัญในการเติมเต็มเรื่องราว บทภาพยนตร์เน้นที่ความสมดุลและการสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องราว แม้ว่าบางฉากอาจจะมีความรู้สึกติดขัด แต่ผู้ชมยอมรับและได้รับความสนุกสนานจากเรื่องราวที่มีความหลากหลายและมีเสน่ห์ของภาพยนตร์ในภาคนี้อย่างครบถ้วน

รีวิวขุนพันธ์ 3 พระเอก อนันดา

จุดสังเกต

ในภาพยนตร์อาจมีรายละเอียดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่อินและมีความสับสน อีกทั้งยังขาดอารมณ์ดราม่าที่ทำให้ความเข้มข้นของตัวละครหลักอย่างขุนพันธ์ไม่เพียงพอ ในการกระตุ้นความสนใจของผู้ชม ซีจี (CG) ที่ใช้ในภาพยนตร์อาจยังคงไม่ได้พัฒนามาถึงจุดที่ควรจะเป็น อาจจะมีบางฉากที่ไม่เนียนอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ภาคนี้อาจมีการพัฒนาและดีขึ้นกว่าภาคก่อน และยังคงอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น เพื่อนำเสนอเรื่องราวในทางดราม่าของตัวละครหลัก อย่างขุนพันธ์ให้มีความน่าสนใจและมีความรู้สึกที่แท้จริงจากผู้ชมได้ดังที่ควรจะเป็น

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *