One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ ขอเพียงความหวัง และให้อภัย

รีวิว One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

One for the Road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ หนังไทยแนะนำ เรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดของผู้กำกับบาส – นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้ที่ก่อนหน้านี้ได้ก่อกำเนิดผลงานคุณภาพมากมายเช่น ‘เคาท์ดาวน์’ และ ‘ฉลาดเกมส์โกง’

ในคราวนี้เขาได้ร่วมงานกับหว่องกาไว (Wong Kar-wai) ผู้กำกับชื่อดังจากฮ่องกง ผลงานนี้ได้รับรางวัล World Dramatic Special Jury Award: Creative Vision จากงาน Sundance Film Festival ซึ่งถือเป็นการยืนยันความเป็นผู้กำกับที่มีพลังสร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น ก่อนที่จะเข้าฉายในประเทศไทย

เพื่อนๆคนไหน อยากรับชมหนังเรื่องนี้แบบ 4k เราขอแนะนำเว็บดูหนังดีๆ doonungvip.com เว็บดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง คุณภาพความคมชัดระดับ 4k ตามไปชมกันได้เลยค่ะ

ฉากเลิฟซีน

ข้อมูลทั่วไป

วันสุดท้ายก่อนบายเธอ (One for the Road) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่าที่ผลิตโดยเจ็ตโทน คอนเทนต์ส บล็อกทู ดิสทริบิวชันและเฮาส์ตัน สตูดิโอของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ โดยผู้กำกับหว่องกาไว (Wong Kar-wai) เป็นผู้อำนวยการสร้าง และเจ็ตโทน คอนเทนต์ส เป็นผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

ภาพยนตร์นี้นำแสดงโดย ธนภพ ลีรัตนขจร และ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ และเข้าฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

One for the Road นักแสดงนำ

ในประเทศไทย ภาพยนตร์ “One for the Road” ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการผ่านการเปิดตัวโครงการใหม่ของจีดีเอช ห้าห้าเก้า ในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า ได้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายภาพยนตร์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจากเจ็ตโทน คอนเทนต์ส และได้ประกาศวันเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ผ่านมิวสิกวิดีโอเพลง “Nobody Knows” ที่เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์

รวมถึงปล่อยใบปิดภาพยนตร์และตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ ก่อนจะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2565

และมีการแสดงตัวปฐมทัศน์ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ภาพยนตร์ “One for the Road” จึงเข้าฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นักแสดง

1.ธนภพ ลีรัตนขจร – รับบทเป็น บอส

2.ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ – รับบทเป็น อู๊ด

3.ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง – รับบทเป็น หนูนา

4.วิโอเลต วอเทียร์ – รับบทเป็น พริม

5.พลอย หอวัง – รับบทเป็น อลิซ

6.ศิรพันธ์ วัฒนจินดา – รับบทเป็น รุ้ง

7.รฐา โพธิ์งาม – รับบทเป็น ตั๊ก

8.ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ – รับบทเป็น ดีเจชาญวุฒิ

One for the Road นักแสดง มะเร็ง

ทัพนักแสดงในภาพยนตร์ “One for the Road” เป็นส่วนที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ชมและเสนอเรื่องราวอย่างน่าเชื่อถือ

นักแสดงหลักอย่าง ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของเนื้อเรื่อง ความเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทำให้เรื่องราวดูเป็นสมจริงและน่าเชื่อถือ เขาได้สร้างการมองเห็นและความเข้าใจที่ลึกลงในบทบาทของพวกเขา ทั้งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและความเป็นมาของชีวิต

ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ ที่รับบทเป็น อู๊ด ได้สร้างความน่าสนใจและความคิดถึงเกี่ยวกับชีวิตที่กำลังจะจบลง การใช้วิธีการแสดง Method Acting เพื่อเข้าสู่บทบาทของอู๊ด เป็นอีกข้อเด่นที่ช่วยให้เรื่องราวมีความเชื่อถือและสมจริง การลดน้ำหนักและการศึกษาพฤติกรรมของผู้ป่วยลูคีเมียระยะสุดท้ายยังเพิ่มความหลงใหลและความเชื่อถือในบทบาทของเขา 

เรื่องย่อ

ภาพยนตร์ “One for the Road” เล่าเรื่องราวของ อู๊ด (ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์) ผู้ป่วยเป็นโรคร้าย และเหลือเวลาอีกไม่นานในชีวิต เขาตัดสินใจโทรหาเพื่อนคนเก่าที่เป็นเจ้าของบาร์ในนิวยอร์กที่ชื่อ บอส (ต่อ ธนภพ) เพื่อให้เขากลับมาที่เมืองไทย เพื่อทำการขับรถพาตัวเองไปพบกับแฟนเก่าครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเสียชีวิต ซึ่งหมอไม่อนุญาตให้เขาขับรถเนื่องจากสภาพร่างกาย เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือในการขับรถจากเพื่อนบอส

เรื่องราวที่จะพาเราเข้าสู่การพบกับแฟนเก่า เพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ที่มีอยู่และเพื่อความสุขที่เกิดขึ้นเมื่อได้เห็นหน้ากันครั้งสุดท้ายก่อนจะจากโลกนี้ไป เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่จะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน ความคิดถึงอดีต และความสำคัญของเวลาในชีวิตของเรา

ตัวละครหลัก

การตัดสินใจในการเดินทางครั้งสุดท้ายนี้ จะนำพาพวกเขาเข้าสู่การผจญภัยที่มีความหมายและความคิดถึงที่ลึกซึ้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและความหมายของความรักในช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของเรา ผู้ชมจะได้พบคำตอบว่าเรื่องราวของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร และสิ่งที่พวกเขาคิดจะประสบผลสำเร็จตามแผนหรือไม่ ตามหาคำตอบนี้ได้ใน วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

ความรู้สึกหลังดู One for the Road

หากใครได้รับชมตัวย่างหนังมาบ้าง คงรู้ว่าหนังเรื่องนี้ จะเป็นการพาตัวละครไปยังสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกับพาผู้ชมเข้าไปในความสัมพันธ์อันซับซ้อนของตัวละคร การเปลี่ยนแปลงในบรรยากาศต่างๆของตัวละครและการใช้ความรู้สึกที่เบาบางนั้น ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความคิดถึงในการเดินทางที่มีความหมาย ซึ่งอาจจะต่างไปจากเรื่องก่อนๆ ของผู้กำกับ บาส – นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ที่มักเน้นความตื่นเต้น โดยในหนัง นั้นเน้นไปที่ความสบายๆ เดินเรื่องด้วยความรู้สึก และการแสดงอารมณ์ภายในของตัวละครเพื่อสร้างพลังในเรื่องราวให้เกิดขึ้น 

เมื่อเราติดตามเส้นทางที่อู๊ดและบอสได้เดินทางไป หนังมีการสอดแทรกแฟลชแบ็ก และการย้อนความว่าพวกเขาเป็นใคร อะไรพาให้พวกเขาต้องมาเจอกัน สอดแทรกเข้าไป เพื่อนำเสนอความสนุกและความคุ้นเคยให้กับผู้ชม ซึ่งจะทำให้เราได้รับรู้ความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาและสถานที่ในทุก ๆ โลเคชันที่พวกเขาไป แต่หนังอาจจะใช้ความเป็นโร้ดมูฟวี่ได้ไม่คุ้มค่ามากนัก เนื่องจากแต่ละสถานที่ที่พวกเขาเดินทางไปมีความสำคัญต่อเรื่องราวและความคิดถึงของตัวละคร แต่ความสำคัญของสถานที่และโลเคชันนั้นอาจไม่ได้ถูกเน้นมากพอเพื่อสร้างความมีนัยสำคัญกับเนื้อเรื่อง

เล่นดนตรี

แน่นอนว่าการนำเสนอบทที่ซับซ้อนเข้ามาในบทที่ต่าง ๆ ของหนัง  เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจและเป็นไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด จากปมปัญหาที่หนังปูไว้ในแต่ละเส้นทางก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นก้อนใหญ่ๆ และทำให้ซีนไคลแม็กซ์นั้นปะทุออกมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ มันทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจและอยากติดตามปมที่หนังได้ปูไว้ไปตลอด ทำให้หนังไม่ดูน่าเบื่อ และสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นเมื่อซีนไคลแม็กซ์นั้นปะทุออกมา

ความสามารถของนักแสดงในหนังเรื่องนี้ ได้ถูกนำเสนออย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะกับบรรดานักแสดงที่รับบทเป็นแฟนเก่าของอู๊ด ทุกคนมีการแสดงที่น่าสนใจและสามารถสร้างบุคลิกเข้ากับบทบาทของพวกเขาได้อย่างดี นับจากพลอย (แสดงโดย หอวัง) ที่เติบโตเป็นตัวละครที่ผิดหวังจากอู๊ดและมาสร้างความสีสันให้กับเรื่องราว ออกแบบ (แสดงโดย ชุติมณฑน์) และ นุ่น (แสดงโดย ศิรพันธ์) ก็ได้เล่นบทบาทของแฟนเก่าของอู๊ดที่เน้นความคิดถึงและรักเก่า ๆ ของพวกเขาอย่างน่าสนใจ

แม้ว่ามีการนำมิติบางส่วนของตัวละครเข้ามา แต่ทว่าความเสียดายอยู่ที่ว่าบางตัวละครไม่ได้รับความสำคัญหรือความพิเศษเท่าที่ควร เช่น พริม (แสดงโดย วี วิโอเลต) ซึ่งเป็นแฟนเก่าของบอส ถูกนำเสนอในฐานะผู้ช่วยในการสร้างความเป็นตัวตนที่แท้จริงของอู๊ดและบอสเท่านั้น และตัวละครของพ่อของอู๊ด (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ก็ถูกนำเข้ามาอย่างสั้น ๆ แต่ก็มีบทบาทในการนำพาอู๊ดและบอสไปสู่การสิ้นสุดของเรื่องราว

ไอซ์ซึ (ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) เป็นตัวละครที่มีบทบาทที่แสดงออกผ่านการแสดงแบบ Method Acting อย่างน่าประทับใจ เขาต้องลดน้ำหนักถึง 17 กิโลกรัมเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ป่วยลูคีเมียระยะสุดท้าย ซึ่งมีน้ำหนักทางอารมณ์และการแสดงที่สามารถดึงความรู้สึกของผู้ชมเข้ามาได้อย่างลึกซึ้ง

บทสนทนาระหว่างนักแสดงทั้งสองคนถูกสร้างขึ้นอย่างคล่องแคล่วและเต็มไปด้วยความยียวนกวน ทั้งการสร้างความเชื่อมั่นและความห่วงใยซึ่งประกอบกับความเข้ากันได้ของคู่หูนี้ ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเป็นเพื่อนที่แท้จริง และมีความรับผิดชอบและห่วงใยต่อกัน

อีกทั้ง ความเข้ากันของไอซ์ซึและบอสในบทสนทนาและการแสดงของพวกเขาเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่ช่วยสร้างความเป็นอู๊ดโดยที่บทบาทของบอส (ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร) สามารถแสดงความรู้สึกอย่างลึกซึ้งได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยความคล่องแคล่วในการแสดงและความเข้ากันของนักแสดง พวกเขาทั้งสองได้ช่วยเพิ่มความพิเศษและความน่าสนใจให้กับเรื่องราวอย่างมาก

ความประทับใจ One for the Road

การกำกับภาพของ พาเกล้า จิระอังกูรกุล เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและสไตล์ของเรื่อง ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การจัดวางภาพและเฟรมในแต่ละซีนถูกคิดค้นอย่างพิถีพิถันเพื่อเสริมสร้างความอลังการและตรงกับเรื่องราว

การมีหว่องกาไว (Wong Kar-wai) ร่วมมือกับการกำกับทำให้บรรยากาศสไตล์ของเขาสามารถลงตัวเข้ากับเรื่องได้อย่างดี สไตล์ที่มีความออบเจ็คทีเมาส์และเน้นบรรยากาศด้วยการใช้สีสันและฉากฟิลเตอร์ที่สวยงาม ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและในเนื้อเรื่อง ทั้งนี้ทำให้ “One for the Road” มีการนำเสนอเรื่องราวที่สร้างความประทับใจทั้งในแง่ของเนื้อเรื่องและสไตล์การผลิตภาพ ทั้งการใช้สไตล์หว่องและการตัดต่อมีส่วนสำคัญในการเนรมิตอารมณ์และความลึกซึ้งของเรื่องนี้ขึ้นมาให้ผู้ชมได้รับรู้

One for the Road ฉากประทับใจ

นักแสดงในหนังนี้แสดงบทบาทได้ดีทั้งหมดโดยเฉพาะในซีนดราม่าที่ได้มีการแสดงออกมาอย่างนุ่มนวลและมีความเป็นธรรมชาติ มีการเลือกใช้เพลงและเสียงประกอบฉากที่สร้างบรรยากาศและเสริมสร้างอารมณ์ในภาพยนตร์อย่างดีมาก การนำเสียงของตัวละครพ่อที่เป็นดีเจคลื่นวิทยุมาใช้เป็นเสียงพื้นหลังเป็นระยะๆ ถือเป็นอีกจุดเด่น เพราะมันเพิ่มความเท่ห์และเสน่ห์ให้กับฉากต่างๆ และเชื่อมโยงกับความรู้สึกและเนื้อเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปภาพรวม One for the Road

หนังเรื่องนี้กับการถ่ายทอดเรื่องราวที่เล่าถึงเพื่อนรักสองคนที่พบกันอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายกันมานาน เรื่องราวนี้ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ที่หนึ่งในสองคนต้องเผชิญกับการป่วยเป็นโรคร้ายและกำลังจะลาจากโลกนี้ไป

เรื่องราวนี้สร้างความพิเศษด้วยความอ่อนโยนและความลึกซึ้งที่ผสานกับความสามารถในการสร้างความรู้สึกที่แท้จริงในผู้ชม การเผชิญหน้ากับโรคมะเร็งและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเป็นส่วนสำคัญของเรื่องราว และพวกเขาต้องให้ความสำคัญกับเวลาที่เหลืออยู่โดยการมองหาความหมายในชีวิต และความคิดถึงอดีต สิ่งเหล่านี้กลายเป็นส่วนสำคัญของการให้กำลังใจและการตัดสินใจของตัวละคร

One for the Road ฉากขับรถ

ผลงานนี้ได้รับคำชมเป็นอย่างมากในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครและผู้ชม ด้วยบทบาทที่สมจริงและความเข้มข้นของนักแสดง รวมถึงสไตล์การกล่าวเรื่องที่หนักแน่นไปด้วยอารมณ์ ผ่านการผสมผสานของเสียงเพลงและภาพยนตร์อย่างลงตัว

หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังที่คู่ควรสำหรับผู้ชมที่ต้องการประสบการณ์อันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย และการส่งต่อความรู้สึกในเรื่องราว ที่จะสร้างความประทับใจให้อยู่กับคุณไปอย่างยาวนานหลังจากที่คุณได้รับชม

ทีมงานเราขอส่งท้าย ด้วยการแนะนำรีวิวหนังไทยดีๆอีกสักเรื่อง ใจฟูสตอรี่ (Happy Ending) หนังรักผลงานเด็ดๆ นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังมายมาย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *